เคยเห็นรูปในเฟซบุ๊ค มีคำบรรยายแบบนี้แหละ (แต่รูปนี้ทำเอง เพราะหาไม่เจอ) คือว่า นึกขึ้นมาแล้วมันขำ...เพราะเราเห็นเป็นธรรมะนะ บ่งบอกว่า คนเรานี่ติดอยู่กับการเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมันซะทุกอย่าง ทั้งที่ แม้แต่ร่างกายเรา มันก็แค่ "บ้านเช่า" เอาธาตุดิน น้ำ ลมไฟ มาประกอบกันชั่วคราว ให้จิตมาอาศัยใช้บุญกรรมไปชาติหนึ่งๆ พอหมดเวลา เราก็ต้องออกจากบ้านไป จึงเรียกว่า ร่างกายมันไม่ใช่ของเราจริงๆ เป็นแค่บ้านเช่า
แต่ในรูปนี่...ขนาดร่างกายเราเองยังยึดไม่ได้ เรายังไปยึดร่างกายของคนอื่น (สัตว์) มาเป็นของเราอีก นึกจะทำอะไรเพื่อตอบสนองความพอใจของเราก็ทำ (ถามกูซักคำมั้ยเนี่ยะ) แล้วที่เห็นว่า สวย น่ารัก ตลก สัตว์เค้าจะเห็นด้วยอย่างนั้นหรือก็เปล่า เพราะฉะนั้น สิ่งเหล่านี้ (สวย น่ารัก ตลก ) มันก็ไม่ใช่ของจริงที่เป็นความจริงแท้ แต่เป็นหนึ่งในสมมุติที่คนเราอุปโลกน์ขึ้นมา จนกลายเป็นสากล พออุปโลกน์สมมุติทั้งหลายแล้ว ทีนี้ก็เชื่อสมมุติน่ะซี จนกระทั่งถือเอาสมมุติเป็น "สรณะ" ไปโดยไม่รู้ตัว ทำให้ไม่สามารถมองเห็นและยอมรับสัจธรรม หรือความจริงแท้ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงสอนไว้เพราะพระธรรมที่ทรงสอนทุกข้อ ล้วนไม่ตอบสนองความรักหลงในสมมุติของเราแม้แต่นิดเดียว เนื่องจากนำแต่ความทุกข์มาให้ พระองค์ทรงปรารถนาให้เราพ้นทุกข์อย่างถาวรเท่านั้น
แต่มันก็ตลกดี มนุษย์ซึ่งว่ากันว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ฉลาดกว่าสัตว์ทั้งหลาย สร้างสมมุติขึ้นเอง แล้วก็ดันติดกับดักของตัวเอง สัตว์ที่ติดกับดัก เขายังติดกับดักที่เขาไม่ได้สร้างขึ้น...
กรรมไหม คนเรา !!!!!
๕ สิงหาคม ๒๕๕๘

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น