สุขสันต์...วันใกล้ตาย 2559



    จาก Facebook
    ขอขอบคุณทุกคำอวยพรในวันเกิดที่ผ่านมานะคะ
    วันเกิด..ถามว่าเราคิดถึงอะไร เราคิดว่า
    เราได้นับถอยหลังสู่ความตาย ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว...

    ธรรมดานั้น เราไม่อยากคิดถึงความตายกันหรอก
    ลึกๆ เราไม่ยอมรับด้วยซ้ำ ว่าเราจะต้องตาย
    แล้วเราก็ใช้ชีวิตแบบ....ทำมาหากินกันไป หาความสุขกันไป
    ลืมๆ มันไปซะ เรื่องความตาย
    แล้วถ้าวันนึงมันจู่โจมเข้ามาหาโดยเราไม่ทันตั้งตัวล่ะ...
    …………………………………………
    พระพุทธเจ้านั้น แทนที่ท่านจะสอนให้เราลืมๆ ไปเสียเรื่องความตาย
    จะได้ไม่ต้องทุกข์ อย่างที่เราคิดกัน

    แต่ท่านสอนให้เรามองเห็นและยอมรับว่าความตายเป็นธรรมดาของชีวิต
    เราต้องเตรียมพร้อมที่จะรับภาวการณ์นี้เสมอ

    เลิกหลอกตัวเอง...และเมื่อมองเห็นได้ว่าความตายเป็นธรรมดา
    เตรียมพร้อมที่จะตายอยู่เสมอ ใจมันก็มีความสุข (จริงๆ)
    ไม่ใช่ความสุข (ปลอมๆ) เพราะมัน “ยอม”
    คนเรานั้น...มันยังไม่ตายหรอก ย้ำ....อย่างเราๆ ท่านๆ มันไม่ตายนะคะ
    เพราะมันจะตายแต่กาย แต่จิตที่มันเป็น “ตัวจริง” ของเรา มันไม่ตาย
    มันยังเวียนว่ายไปหา “กาย” ใหม่อยู่

    ความน่ากลัวมันอยู่ตรงนี้แหละ..ไม่ใช่น่ากลัวตรงที่ตาย เพราะยังไงมันก็ตายอยู่แล้ว แต่มันน่ากลัวตรงที่ว่า....แล้ว “กาย” ใหม่ของเราล่ะ มันจะไปอยู่ที่ไหน..
    จะอยู่ท่ามกลางไฟนรกท่วมหัวท่วมหูหรือเปล่า
    …………………………………….

    ทำดีไปสวรรค์...ทำชั่วไปอบาย...ถูก
    แต่พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นอัจฉริยบุคคล
    ท่านมองเห็นแจ้งแทงตลอดกว่านั่น
    เพราะแม้ความดีจะส่งเราไปสวรรค์ ไปพรหม ยาวนานมากมาย
    แต่มันก็ยังเป็นเรื่องชั่วคราว
    แล้วมันก็ไม่มีหลักประกันเลยด้วย
    ว่าเมื่อคุณเคยเสวยสุขเบื้องบนแล้ว
    คุณจะมาเป็นสัตว์นรกในกาลต่อไปไม่ได้
    เพราะฉะนั้น หนทางที่ปลอดภัยจริงๆ ก็คือ 
    หนทางพัฒนาจิตซึ่งเป็น “ตัวจริง” ของเรา
    ให้ก้าวเข้าสู่ “การไม่ต้องเกิด ไม่ต้องตาย” อีกต่อไป 
    ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านชี้ทางไว้อย่างชัดเจนแล้ว..
    หรือจะพูดอีกอย่าง..ท่านชี้ทางไม่ตาย
    พ้นจากความตายที่เราเกลียดกลัวเอาไว้ให้แล้ว
    แต่เราพร้อมจะหนีความตายตามท่านไปหรือเปล่า
    เรามี ๒ ตัวเลือก ต้องเลือกอันใดอันหนึ่ง
    เลือกทั้งสองทางไม่ได้เด็ดขาดนะ
    ทางเลือกแรก คือ เป็นตัวเราเก่าๆ เดิมๆ …ก็เราชอบอย่างนี้
    กับทางที่สอง...เดินตามทางของพระพุทธเจ้าให้เต็มกำลัง
    ...............................................
    หากเลือกทางที่สอง...
    ลืมมันไปเสีย..การใช้ชีวิตบนความเพลิดเพลิน
    แม้กระทั่ง...บนความเบียดเบียน
    ลืมมันไปเสียด้วย สวรรค์วิมานชั้นฟ้าทั้งหลาย
    ในเมื่อกายนี้ใกล้ดับสูญเข้าไปทุกที
    เราจะใช้กายนี้ให้มีคุณค่าได้อย่างไร
    เพื่อจะได้ไม่ต้องนับถอยหลังสู่ความตายอีกต่อไป...ชั่วกาล
    ................................................
    ขอบคุณทุกๆ ความปรารถนาดีของทุกท่าน
    ที่ถ่ายทอดมาเป็นคำอวยพรวันเกิดนะคะ


    วิศษามารตี ปารมิตา

ฟังเพลงเป็นธรรม--That's what friends are for




ครูบาอาจารย์เรา ท่านนำเพลงนี้มาให้ฟัง แล้วตั้งคำถาม ว่ามองเห็นอะไรบ้าง เพื่อนที่ดีที่สุดของเรา คือใคร เพื่อนที่จะอยู่เคียงข้างเราทั้งในยามสุขและทุกข์ ทำหน้าที่เพื่อนแท้จริงๆ....ใช่มนุษย์ตัวเป็นๆ หรือเปล่า อย่างที่ปรากฏในเนื้อเพลงว่า


In good times, in bad times
I'll be on your side forever more
That's what friends are for


ใครกันที่จะอยู่กับเราในทุกยาม...คำตอบนั้น คือ ลมหายใจไงล่ะ ยามสุข เค้าก็อยู่กับเรา ยามทุกข์เค้าก็อยู่กับเรา แต่เราเห็นเขาไหม....ถ้าเราเห็นเขา เกาะกุมเขาไว้ โดยเฉพาะในยามทุกข์ จิตของเราก็จะมีหลัก มีที่พึ่ง ไม่ถูกอารมณ์เศร้า เหงา ทุกข์ พัดพาไป ยามสุข เราก็จะมีหลักยึด ไม่ถูกคลื่นแห่งความหลงพัดออกไปไกล อย่างที่พระท่านว่า ให้รักษาจิตไว้กับกาย กายก็คือลมหายใจนี่ล่ะ เพราะลมหายใจก็คือส่วนหนึ่งของกาย

เราทุกคนมีเพื่อนแท้ที่เป็นที่พึ่งได้อยู่กับเราเสมอ นับแต่เกิดจนตาย 
แต่วันนี้...เรากุมมือเพื่อนของเราหรือยัง