กินเจ กินมังฯ...แล้วไง


              เที่ยงแล้ว มากินข้าวกัน...แกงเขียวหวานลูกชิ้นเจจ้า อร่อยนะ ขอบอก เคยไปกินปลาราดพริกเจต่อหน้าเพื่อนๆ เค้าเห็นแล้วทำหน้าตาประหลาด เพราะมันเหมือนปลาของจริงมากๆ แต่ละคนแอบคิดว่า เออ...ถ้ามันเหมือนขนาดนี้ แล้วมากินเจทำไม๊ !!!!! (คิดดังจนได้ยินแน่ะ)...เราเลยเหมือนคนบาปไปซะงั้น 5555 ที่จริงน่ะ การกินเจ ไม่ได้ทำให้บรรลุธรรมอะไรหรอก คนกินอาจไม่ได้เลิกชอบของอร่อยด้วย (เป็นเหตุผลที่ต้องปรุงรส ปรุงหน้าตาให้ดูดี) แต่คนที่เค้าเลิกกินเนื้อสัตว์ ไปกินเจ กินมังฯ แทน ก็เพราะเบื้องหลังจานโปรดทุกมื้อ คือการฆ่าฟัน..เป็นเหตุผลของความสงสาร..

                มันก็เท่านั้นเอง... 
                                                                                       ๑๖  กันยายน  ๒๕๕๘


มองข้างนอก



มองข้างนอก...ใครๆ บอกว่าต้องเห็น 
ขอ comment เห็นของจริงหรือเปล่าหนา? 
เห็นแล้วปรุง... ชอบไม่ชอบ ตอบอัตตา 
แต่ทางโลกเชื่อหนักหนาว่าของจริง 

มันก็จริงแค่ของเราใช่เขาอื่น 
ร้อยคน "ชื่น" ล้านคน "ชัง" ช่างยุ่งยิ่ง 
แล้วตรงไหนที่มันใช่ล่ะ "ของจริง" 
ก็ meaning  มันเป็นล้านบานเบอะไป 

ถ้าเห็นเป็นแค่ "สักว่า" น่าจะเห็น 
ปล่อยเขาเป็นตัวจริงเขา ใช่เราใส่ 
ความคิดชัง คิดชอบ กอปรลงไป 
แล้วว่าใช่ ถูกจริงแท้มีแต่เรา 

แถมเห็นแล้วยังสุขเศร้าเคล้าจิตอีก 
เพราะติดปีกให้ใจผินบินหาเขา 
ไอ้หูตามันก็แกล้งตะแบงเรา 
ใจจึงเคล้าแต่เรื่องโลกให้โศกครอง

เห็น "ของจริง" พ้น "ทุกข์ใจ" ให้ "สักว่า" 
ใจของเรานั้นหนาอย่าไปข้อง 
เกาะเกี่ยวไปสมุทัยย่อมครอบครอง 
ใจจงมองอย่างเป็นกลางว่างเปล่าครัน 

พึงเชื่อมั่นและเห็นตามพระธรรมเถิด 
สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นดับ ไม่กลับหัน 
แม้นอยากครองอยากข้องต้องทุกข์ครัน 
เพราะว่ามันไม่เป็นไปตามใจเอย

คำบรรยายที่ ๒

คนเราชอบมองนอก ไม่มองใน 
จิตส่งไปตามตาหูดูไปทั่ว 
ไม่ชอบดูกายจิตที่ติดตัว 
จึงต้องพัวพันโลกโศกร่ำไป 

มองภายนอก..พระท่านบอก...มองไม่เห็น 
มองให้เป็น...มองภายใน...หายสงสัย 
เห็นเกิดดับธรรมทั้งหลายเพราะภายใน 
ทุกข์ทางใจดับได้ผองเพราะมองเป็น

๒ กันยายน ๒๕๕๘